วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อัตราส่วนการแสดงผลของจอภาพมาตรฐานต่างๆ

เปรียบเทียบอัตราส่วนการแสดงผลของจอภาพมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงการแสดงผลแบบ HDTV ( High Definition Television ) ซึ่งการแสดงผลของภาพในปัจจุบันกำลังพัฒนาไปสู่การแสดงผลของภาพที่ให้ความคมชัดสูงมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะทำให้การแสดงผลของจอภาพรองรับมาตรฐานแบบ Full HD
จากรูป..เป็นการเปรียบเทียบการแสดงผล สำหรับจอภาพ ตามมาตรฐานต่างๆ ที่เรารู้จัก...
- Full HD (High Definition) 1920 x 1080
- HD (High Definition) 1280x720
- PC XGA (Extended Graphics Array) 1024x768
- SD (Standard Definition) PAL TV 768x576
- SD (Standard Definition) NTSC TV 720x480
- CIF (Common Intermediate Format) 352x288
- QCIF (Quarter Common Intermediate Format) 176x144
      ซึ่งแต่ละระบบ มีความแตกต่างกันของขนาดภาพ มันเกี่ยวข้องกับการบันทึกภาพวิดีโอ หรือการนำไปตัดต่อภาพวิดีโอด้วย เช่น การส่งภาพข่าวของผู้สื่อข่าว บมจ.อสมท ในขณะนี้ใช้ขนาด 720x576 และกล้องวิดีโอที่ส่งมาให้ใช้งานตามภูมิภาค ปรับมาตรฐานของภาพที่บันทึกเป็น 720x576 นั่นเอง ซึ่งอยู่ในระบบ SD ที่จะกล่าวในลำดับต่อไป





HDTV ( High Definition Television ) 
      มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "โทรทัศน์ความคมชัดสูง" หรือ "โทรทัศน์รายละเอียดสูง"  หรือเรียกสั้นๆ ว่า HDTV เป็นคำสั้นๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการแสดงภาพวิดีโอ โดยเลข 1080 หมายถึง จำนวนความละเอียดของเส้นในแนวนอน 1,080 เส้น และตัวอักษร p ย่อมาจาก Progressive Scan หรือ non-interlaced ในขณะที่ i ย่อมาจาก interlaced ปัจจุบันทั้ง 1080i และ 1080p เป็นฟอร์แมตความละเอียดสูงสุด ที่ใช้กันทั่วไปในการแพร่ภาพโทรทัศน์และการเก็บภาพวิดีโอ
      ดังนั้น 1080p จึงเป็นสัญญาณภาพแบบ HDTV โดยมีการรับส่งสัญญาณภาพในแบบจอกว้างหรือไวด์สกรีน ( Widescreen ) อัตราส่วน 16:9 นั่นหมายความว่า ความละเอียดของการแสดงจะผลอยู่ที่ 1920 จุดในแนวนอน และมีความละเอียด 1080 จุดในแนวตั้ง รวมเท่ากับ 1920 x 1080 หรือเท่ากับ 2,073,600 พิกเซล ( 2Mpixel หรือ 2 ล้านพิกเซล )
คำว่า Full HD และ HD-Ready มีความหมายอย่างไร
      Full HD หมายถึงการแสดงผลของจอภาพโทรทัศน์ที่ให้รายละเอียดจำนวนของเส้นในแนวนอนเท่ากับ 1,080 เส้น ทั้งแบบ 1080i และ 1080p ถือว่าเป็นแบบ Full HD สำหรับจอแสดงภาพในแนวนอนเท่ากับ 1,080 เส้น นั่นคือเป็นคำจำกัดความของจอภาพแบบ  Full HD จะแสดงผลทางแนวตั้งและแนวนอน เท่ากับ 1920x1080 จุด ซึ่งเท่ากับ 2,073,600 พิกเซล ( 2Mpixel หรือ 2 ล้านพิกเซล ) นั่นเอง
      
      HD Ready คำนี้จะใช้สำหรับจอภาพที่มีความละเอียดต่ำกว่า Full HD ไม่ว่าจะเป็นขนาดภาพ 1366x768 หรือ 1024x768 หรือ 1280x720 สำหรับจอภาพโทรทัศน์ที่โฆษณาว่าเป็น HD Ready นั้นจะรองรับการนำเข้า input HDMI รับสัญญาณภาพจากเครื่องเล่นที่เป็น Full HD ( 1080i หรือ 1080p ) เช่น..เครื่องเล่น Blu-ray มีขนาดภาพ Full HD 1920x1080 (pixels) ส่งต่อสัญญาณภาพให้โทรทัศน์ที่มีขนาดจอภาพเป็น HD เพียง 1280x720 (pixels) เครื่องรับโทรทัศน์จะทำการ Down Scale ให้เหลือแค่ Native Resolution ให้แสดงผลเท่าที่จอภาพของมันจะทำได้เท่านั้น คือจากขนาดภาพ 1920x1080 pixels (1,080 เส้น) เหลือเพียงขนาดภาพ 1280x720 (720 เส้น) เหมือนว่ารองรับสัญญาณภาพ Full HD 1920x1080 (1,080 เส้น) แต่จริงๆแล้วแสดงผลบนจอภาพโทรทัศน์เพียง 1280x720 (720 เส้น) เท่านั้น จึงเรียกว่า HD-Ready ( แปลว่า...พร้อมสำหรับ HD แต่ไม่ใช่ Full HD )
   
      ตามมาตรฐานของญี่ปุ่น ยอมรับว่าการแสดงผลแบบ 1080p ถือว่าเป็น Full HD แต่สำหรับการแสดงผลแบบ 1080i แค่ยอมรับได้ว่าเป็น HD  แต่ทางอเมริกากำหนดว่าการแสดงผลแบบ 1080i และ 1080p เป็นแบบ Full HD ส่วนการแสดงผลแบบ 720p ที่มีจำนวนเส้นในแนวนอน 720 เส้น แบบ Progressive Scan นั้นเป็นเพียง HD ธรรมดา  ( แต่ญี่ปุ่นไม่ยอมรับว่า 720p เป็น HD เพราะประเทศญี่ปุ่นมีมาตรฐานสูงและเป็นผู้พัฒนาระบบ HD เป็นประเทศแรก เขายังกล่าวว่าสามารถผลิตภาพที่มีความคมชัดสูงมากกว่านี้ ที่เรียกว่า Super Vision Television ซึ่งผมเคยไปเห็นด้วยตามาแล้ว... )
     ส่วนภาพขนาด 720i ( 720 เส้น แบบ interlaced ) ไม่ถือว่าเป็น HD แต่เป็นแบบ EDTV (Extended Definition Television) ระดับภาพแบบมาตรฐานของเครื่องเล่น DVD หรือ HD-DVD
สรุปตามขนาดการแสดงภาพแบบ HD ซึ่งเป็นสัญญาณภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ได้ว่า
- ขนาดภาพแบบ Full HD เท่ากับ 1,920 x 1,080 pixels = 2,073,600 พิกเซล
- ขนาดภาพแบบ HD เท่ากับ 1,280 x 720 pixels = 921,600 พิกเซล ( ไม่ใช่ Full HD )
อัตราส่วนของจอภาพ สำหรับ HD คือ ขนาดความกว้าง x ความสูง เป็น 16 ต่อ 9 (16:9) ซึ่งเปรียบเทียบค่าได้จากการนำค่าของความกว้างกับความสูงมาหารกัน ดังนี้ 1,920/1,080 เท่ากับ 16/9 และ 1,280/720 เท่ากับ 16/9 เหมือนกันนั่นเอง





XGA ( Extended Graphics Array )
     คือคำที่เรียกการแสดงผลของจอภาพคอมพิวเตอร์ ( Monitor Computer ) ย่อมาจาก Extended Graphics Array (แปลว่าขบวนปรับภาพแบบขยาย) เป็นชนิดจอ LCD หรือ LED มีหลายมาตรฐาน คือ
VGA ( Video Graphics Array )
SVGA ( SuperVideo Graphics Array )
SXGA ( Super Extended Graphics Array )
UXGA ( Ultra Extended Graphics Array )
มีความละเอียดตั้งแต่

VGA คือ ขนาดภาพ 640x480 พิกเซล ( 4:3 )
SVGA คือ ขนาดภาพ 800x600 พิกเซล ( 4:3 )
XGA คือ ขนาดภาพ 1024x768 พิกเซล ( 4:3 )
SXGA คือ ขนาดภาพ 1280x1024 พิกเซล ( 4:3 )
SXGA+ คือ ขนาดภาพ 1400x1050 พิกเซล ( 4:3 )
UXGA คือ ขนาดภาพ 1600x1200 พิกเซล ( 4:3 )
แล้วยังมีขนาดอัตราส่วนอื่นๆ อีก ที่ขึ้นต้นด้วย W เรียกว่า Wide Screen (จอกว้าง) คือ
WVGA คือ ขนาดภาพ 840x480 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA คือ ขนาดภาพ 1280x800 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA+ คือ ขนาดภาพ 1440x900 พิกเซล ( 16:10 )
WSXGA คือ ขนาดภาพ 1680x1050 พิกเซล ( 16:10 )
WUXGA คือ ขนาดภาพ 1920x1200 พิกเซล ( 16:10 )
WXGA (HD-Ready) คือ ขนาดภาพ 1366x768 พิกเซล ( 16:9 )
WSVGA (Full HD) คือ ขนาดภาพ 1920x1080  พิกเซล ( 16:9 )





SDTV ( Standard Definition Television ) 
        โทรทัศน์ระบบอนาล็อกเดิม มีการแสดงภาพอยู่ 3 ประเภท คือ NTSC, PAL, SECAM ซึ่งการส่งภาพโทรทัศน์นี้เราเรียกว่า SD หรือ SDTV ( Standard Definition Television ) เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า "โทรทัศน์ความชัดเจนมาตรฐาน" เรามาวิเคราะห์ที่การแสดงผลบนหน้าจอโทรทัศน์กัน ดังนี้
        
NTSC (National Television System Committee)______60 Field/second , 30 Frame/second , 525 Line/Frame 
PAL (Phase Alternate Line)______________________50 Field/second , 25 Frame/second , 625 Line/Frame 
SECAM (Sequential Color and Memory)____________50 Field/second , 25 Frame/second , 625 Line/Frame
ระบบ NTSC
      กล่าวคือระบบ NTSC จะถูกบันทึกภาพมีรายละเอียดทางแนวนอน 858 จุด (Pels) และใช้เส้นสแกนภาพทางแนวตั้ง 525 เส้น เสมือนมีจุดภาพทางแนวตั้งเท่ากับ 525 จุด แต่ในการแสดงภาพจริงที่หน้าจอ ( Active Area ) ให้รายละเอียดของภาพทางแนวนอน 720 จุด และทางแนวตั้งเพียง 480 จุดเท่านั้น จะให้รายละเอียดภาพรวม ( 720 x 480 ) เท่ากับ 345,600 จุด มีอัตราส่วนของการแสดงภาพ 1.5:1 ( 3:2 )
ระบบ PAL และ SECAM      แต่ระบบ   PAL และ SECAM มีการแสดงภาพจริงที่หน้าจอให้รายละเอียดของภาพทางแนวนอน 720 จุด ( มีเครื่องรับโทรทัศน์บางยี่ห้อแสดงรายละเอียดได้ 768 จุด ) และแสดงรายละเอียดของภาพทางแนวตั้ง 576 จุด ให้รายละเอียดภาพรวม ( 720 x 576 ) เท่ากับ 414,720 จุด ( หรือ 768 x 576 = 442,368 จุด ) มีอัตราส่วนของการแสดงภาพใกล้เคียงมาตรฐาน 4:3
หากจำแนกการแสดงผลของจอภาพ จะสรุปได้ว่า
- ระบบ NTSC มีขนาดภาพจริง 720 x 480
- ระบบ PAL และ SECAM มีขนาดจริง 768 x 576 หรือ 720 x 576

อัตราส่วนของการแสดงภาพ ( Accept Ratio ) ที่มีมาตรฐาน 4:3 ( 1.33:1 ) จริงๆก็คืออัตราการแสดงผลที่หน้าจอของคอมพิวเตอร์ มีอัตราส่วนอยู่ที่ 640x480, 800x600, 1024x768 ซึ่งเราจะพบเห็นได้บ่อยๆ และอัตราส่วนของภาพนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าภาพมีความคมชัดเท่าใด แต่ความละเอียด ( Resolution ) ต่างหากจะเป็นตัววัดความคมชัดของการแสดงภาพ





CIF (Common Intermediate Format)         CIF คือ ขนาด 352x288 พิกเซล ที่ใช้มาตรฐานการบีบอัด H.261 จาก ITU (International Telecom Union) บีบอัดทั้งภาพและเสียงให้มีขนาดที่ลดลงมากที่สุดแต่ให้ภาพชัดที่สุด  ซึ่งใช้ในการบันทึกภาพของกล้องวงจรปิด CCTV และเป็นคุณสมบัติของการถ่ายภาพวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือ
QCIF (Quarter Common Intermediate Format)         QCIF คือ ภาพขนาด 176x144 พิกเซล  โดย Q ย่อมาจาก Quarter = 1/4  และ QCIF  คือขนาดภาพ 1 ใน 4 ของแบบ CIF ใช้มาตรฐานการบีบอัด H.261 โดยฟอร์แมตที่ได้เป็นสกุลไฟล์ .3GPP เช่นเดียวกันกับขนาดไฟล์วิดีโอ 352x288 พิกเซล อัตราเล่นต่อเนื่อง 15 เฟรม/วินาที
      SubQCIF คือขนาดไฟล์วิดีโอ 128x96 พิกเซล อัตราเล่นต่อเนื่อง 15 เฟรม/วินาที 
      
      โดยปกติแล้วสายตาคนเรามองภาพเคลื่อนไหวได้ 24 เฟรม/วินาที ภาพจึงจะไม่กระตุก แต่โทรศัพท์มือถือปัจจุบันจะอยู่ที่ 15 เฟรม/วินาที ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการประมวลของโทรศัพท์มือถือด้วยที่จะทำให้การแสดง ภาพวิดีโอไม่กระตุก

      โทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติในการถ่ายวิดีโอแต่ละรุ่นจะมีขนาดความละเอียดของภาพสูงสุดแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับราคา ยิ่งแพงก็ยิ่งมีคุณสมบัติในการทำงานสูง ดังนั้นขนาดความละเอียดของภาพนั้นสูงแล้วล่ะก็ จะทำให้ภาพวิดีโอที่ได้นั้นมีคุณภาพยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

Panasonic Pro Display Solutions



พานาโซนิค รุกตลาดผลิตภัณฑ์ Pro Display Solutions หวังขึ้นแท่นผู้นำตลาด โชว์ศักยภาพสินค้ารองรับผู้ใช้ทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเปิดตัวจอพลาสม่า 152 นิ้ว และโปรเจคเตอร์ 3D ครั้งแรกในเอเชีย...

นายโทชิฮิโร มาจิมะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์โปรดิสเพลย์ โซลูชันส์ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทให้ความสำคัญในปีนี้ จากการคิดค้นนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน รวมทั้งตอบสนองความต้องการในตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มดิสเพลย์ โซลูชันส์ ในฐานะผู้นำผลิตภัณฑ์กลุ่มโปรดิสเพลย์ โซลูชันส์เต็มรูปแบบ ซึ่งมีสินค้าตั้งแต่โปรเจคเตอร์ จอพลาสม่า และชุดประชุมทางไกล ซึ่งในปีนี้จะมีสินค้ามากกว่า 70 รุ่น ทำตลาดในประเทศไทย ภายใต้ฟังก์ชั่นการใช้งานสำหรับภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจขนาดใหญ่ และโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์
นางสาวอนุรัตน์ จี้เพชร ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรดิสเพลย์ โซลูชันส์ บริษัท พานาโซนิค กล่าวว่า ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ดิสเพลย์สูงขึ้นตามความหลากหลายของกลุ่มผู้ใช้งาน สำหรับการทำตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว บริษัทมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเห็นถึงความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการใช้งานในแต่ละความต้องการ

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรดิสเพลย์ โซลูชันส์ ที่จะทำตลาดในปีนี้ พานาโซนิคได้แบ่งผลิตภัณฑ์ออกตามรูปแบบการใช้งาน ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Pro Largest Display, กลุ่ม Pro 3D Entertainment Display เช่น เทคโนโลยี 3D จากพานาโซนิค อาทิ โฮมเธียร์เตอร์ 3D Short Throw Projector แบบอินเตอแอคทีฟ, กลุ่ม Pro Smart Solutions Display เช่น ชุดประชุมทางไกล หรือ HD Video Conference โปรเจคเตอร์ไวร์เลสในตัว ทำให้ใช้ร่วมกับเครื่องควบคุมสัญญาณไวร์เลสและระบบบปฏิบัติการไอโอเอส , กลุ่ม Pro Panorama Display เช่น ผลิตภัณฑ์เพื่อการเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์หลายเครื่องแบบปราศจากขอบ และกลุ่ม Pro Monitoring and Controlling Display นำเสนอ Projector control และ PDP control & Monitoring Software Solution ผลิตภัณฑ์ควบคุมการทำงานของดิสเพลย์ โปรดักส์ผ่านระบบแลน (LAN) โดยสามารถควบคุมจอพลาสม่าและแอลซีดีได้มากถึง 2,048 เครื่อง

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว โปรเจคเตอร์รุ่น PT-DZ21K Series สินค้าในกลุ่ม Pro Largest Display ครั้งแรกในเอเชีย ที่มาพร้อมเทคโนโลยีให้ความสว่าง 20,000 ลูเมนส์ (Lumens) ความละเอียดภาพ WUXGA (1920x1200 พิกเซล) ให้ความคมชัด 10,000:1 สามารถฉายภาพในแบบ 3D และ 3D พลาสม่า ขนาด 152 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถแสดงภาพได้ละเอียดถึง 4K2K (4 เท่าของฟูลเอชดี) รองรับการนำเสนอภาพแบบ 3D และรองรับสัญญาณ 3D ฟูลเอชดี (3D Full HD) จากพอร์ตเอชดีเอ็มไอ (HDMI port).

โดย: ทีมข่าวไอทีออนไลน์
22 กุมภาพันธ์ 2555, 11:30 น.

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โปรเจคเตอร์ HD เครื่องแรกของโลกบนอุปกรณ์ APPLE


ทำไมต้อง Epson MG-850HD?
ด้วยช่องเสียบเฉพาะอุปกรณ์สำหรับ Apple แบบพกพาของคุณ โปรเจคเตอร์เอนกประสงค์เครื่องนี้ ควบคุมด้วยเทคโนโลยี 3LCD ของเอปสัน ให้การฉายภาพมีคุณภาพสูง ไม่มีข้อบกพร่อง เหมาะสำหรับงานนำเสนอและฉายภาพยนตร์เพื่อความบันเทิงในบ้าน

สามารถใช้งานได้กับ iPod/iPhone/iPad
  • สนุกกับประสบการณ์ ด้วยการออกแบบพิเศษ สามารถแบ่งปัน สไลด์รูปภาพ หรือวิดีโอในการนำเสนองานที่เก็บไว้ในอุปกรณ์ Apple ของคุณ คุณสามารถเข้าถึงและควบคุมการเล่นของเนื้อหาของคุณโดยการใช้รีโมท เมื่อคุณนำเสนองานเสร็จ เพียงคุณล็อคจากอุปกรณ์ Apple ของคุณ ทำให้ไฟล์ของคุณยังคงได้รับการป้องกันจากการเล่น

  • อุปกรณ์ Apple รองรับ iPad รุ่นแรก และ iPad 2, ทุกรุ่นของ iPhone, iPod touch (รุ่นแรกถึงรุ่น 4) และ iPod Nano (รุ่น 3 ถึงรุ่น 5) เพลิดเพลินไปกับคุณสมบัติทั้งหมดที่มอบให้ เพื่อความมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ของคุณกำลังทำงานกับเวอร์ชั่นของ iOS รุ่นล่าสุด

เพลิดเพลินกับการใช้งานเอนกประสงค์
  • การนำเสนองานสามารถทำได้ทุกที่ในห้อง ด้วยการปรับภาพสี่เหลี่ยมคางหมูในแนวนอนที่ใช้งานง่าย การแก้ไขบนจอภาพสามารถทำได้ง่าย รวดเร็วและแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานและผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ

  • ด้วยการตรวจสอบและปรับภาพสี่เหลี่ยมคางหมูแนวตั้งอัตโนมัติ ช่วยลดความสิ้นเปลืองเวลาในการปรับภาพและขัดจังหวะการนำเสนองานของคุณ คุณสมบัตินี้ตรวจสอบความผิดเพี้ยนของภาพสี่เหลี่ยมคางหมูแนวตั้งของโปรเจคเตอร์โดยอัตโนมัติและแก้ไขทันที

ปรับภาพอัตโนมัติ
  • หมดความกังวลกับสวิทซ์ไฟหรือม่านขนาดใหญ่ เพื่อความมั่นใจในการฉายภาพที่คมชัดและสีสันสดใสสำหรับผู้รับชม MG-850HD สามารถตรวจสอบระดับแสงโดยรอบในห้องของคุณโดยอัตโนมัติ เพื่อปรับภาพที่ฉายอยู่ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในแต่ละห้อง
 

DIRECT USB PLAYBACK สำหรับภาพถ่าย
  • เพียงแค่โหลดภาพถ่ายของคุณเข้าไปในอุปกรณ์หน่วยความจำ USB และเสียบเข้าไปกับโปรเจคเตอร์ได้ทันที สามารถรับชมภาพบนจอภาพความละเอียดสูง 1280 x 800 WXGA ภาพสีเสมือนจริงหรืออาจจะฉายไปยังผนังที่ว่างเปล่าเพื่อใช้เป็นของประดับตกแต่งเคลื่อนที่หรือประสานงานกับผู้ใช้เพื่อการนำเสนองานของคุณ
 

สมบูรณ์แบบสำหรับห้องเรียน
  • ด้วยหลอดไฟ E-TORL มีอายุการใช้งานยาวนาน ให้ความสว่างสูงถึง 2800 lumens พร้อมช่องเสียบไมโครโฟนและลำโพงคู่กำลังขับ 10W 
    MG-850HD เหมาะสำหรับการศึกษาและสามารถใช้แทนระบบ PA การเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์ฉายภาพ ELPDC06 และ ELPDC11 ของเอปสัน ทำให้สื่อการสอนต่างๆ เป็นไปอย่างง่ายดาย

 
คุณสมบัติในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
  • หลอดไฟ E-TORL ที่มาพร้อมกับเครื่องออกแบบเพื่อให้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 0.3 วัตต์ในโหลดสแตนด์บาย
  • เลนส์โปรเจคเตอร์ ใช้เลนส์ที่ปลอดสารตะกั่ว
  • ตัวเครื่องทำจากพลาสติกไม่พ่นสี ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
  • ไม่มี Chlorine หรือ Bromine ประกอบอยู่ใน halogen flame retardants ที่ใช้ในตัวเครื่องที่ทำจากพลาสติก
Better products for a better future
  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมของเอปสันได้ที่ www.epson.com/environment

ที่มา

http://www.epson.co.th

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

HARDWARE ZONE BEST OF 2011

 


Panasonic PT-AE7000

The PT-AE7000 is Panasonic’s first 3D home theater projector. It uses a 200W “Red-Rich” lamp capable of a brightness of 2,000 lumens. It also claims a 300,000:1 contrast ratio. The full HD LCD panels are designed for 480Hz processing - this results in a brighter 3D image and reduced crosstalk. It even uses the double refraction property of crystals to arrange pixels to minimize screendoor effect.



Epson EH-TW8000

The 3LCD-based EH-TW8000’s 2,400-lumen brightness rating makes it the world’s brightest 3D home theater projector. Using an image engine with a 480Hz refresh rate, the projector also has a manual lens shift mode with a wide lens shift range; the latter gives you more installation flexibility. A frame interpolation technology is used to reduce image blurring. It's also capable of 2D to 3D conversion


วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เอปสัน ชูเทรนด์โปรเจคเตอร์ยุคใหม่เน้นบาง-เบา

 

เอปสัน ชูเทรนด์โปรเจคเตอร์ยุคใหม่เน้นบาง-เบา

 



เอ ปสัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านโปรเจคเตอร์ เผยเทรนด์ใหม่โปรเจคเตอร์สุดบาง และน้ำหนักเบา ดีไซน์ทันสมัย แต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับพรัเซนต์งานนอกสถานที่ เปิดตัวลงตลาดพร้อมกัน 4 รุ่น…
บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านภาพดิจิตอล โซลูชั่นการพิมพ์ระดับโลก และผู้นำด้านยอดขายโปรเจคเตอร์อันดับ 1 ของโลก 9 ปีซ้อน ส่งโปรเจคเตอร์กลุ่มอัลตร้า พอร์ทเทเบิล ซึ่งมีจุดเด่นที่ความบางและเบา มีการออกแบบที่ทันสมัย แต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด มีด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ EB-1750, EB-1760W, EB-1770W และ EB-1775W ด้วยน้ำหนักเพียง 1.7 กิโลกรัม ตัวเครื่องขนาดกะทัดรัด สูงเพียง 44 มิลลิเมตรเท่านั้น ง่ายต่อการพกพา มีความสว่างอยู่ที่ 3,000 ลูเมนส์ สามารถฉายภาพได้แม้ในห้องที่มีแสงสว่างจ้า
โปรเจคเตอร์ในกลุ่มนี้ ถูกออกแบบมาสำหรับการพกพาเพื่อใช้งานนอกสถานที่โดยเฉพาะ มีฟังก์ชั่นที่ช่วยสนับสนุนงานพรีเซนต์นอกสถานที่ อาทิ การเชื่อมต่อแบบไร้สาย ฟังก์ชั่น Quick Startup เปิดเครื่องพร้อมใช้งานได้เร็วทันใจ และ Instant Off เก็บเครื่องได้ทันทีหลังปิดเครื่อง ฟังก์ชั่น Automatic Keystone Correction และฟังก์ชั่น Screen Fit ปรับภาพให้พอดีกับสกรีนด้วยปุ่มเดียว ทั้งนี้ราคาการจำหน่ายเครื่องรุ่นอัลตร้า พอร์ทเทเบิล เมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ระหว่างประมาณ 49,900 – 64,900 บาท

Credit : http://news.hatyaiok.com/?p=42374

วิธีดูแลรักษาเครื่องโปรเจคเตอร์

วิธีดูแลรักษาเครื่องโปรเจคเตอร์
ไม่ควรให้เครื่องโปรเจคเตอร์สัมผัสฝุ่นละออง  หรือควันมากจนเกินไป  ทั้งนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดภาพโปรเจคเตอร์ และตัวเครื่องให้ยาวนานยิ่งขึ้น   โปรเจคเตอร์ที่มีฝุ่นละอองอุดตันช่องระบายอากาศจะทำให้โปรเจคเตอร์ร้อนมากขึ้น  อาจถึงขั้นทำให้หลอดภาพโปรเจคเตอร์ไหม้ได้  (ข้อแนะนำ  :   ควรทำความสะอาดด้วยเครื่องเป่าลมทุก  ๆ  เดือน แต่ถ้าสภาพวะแวดล้อมมีฝุ่นมาก   ควรทำความสะอาดช่องระบายอากาศของโปรเจคเตอร์ทุก  ๆ เดือน)
2.  อย่าเคลื่อนย้ายโปรเจคเตอร์ขณะที่หลอดภาพยังร้อนหรือยังทำงานอยู่    ถึงแม้ว่าได้ปิดเครื่องโปรเจคเตอร์และถอดปลั๊กเครื่องโปรเจคเตอร์แล้วก็ตาม    การเคลื่อนย้ายโปรเจคเตอร์จะทำให้อายุการใช้งานของหลอดภาพสั้นลง    เกิดความเสียหายได้ง่ายและอาจทำให้หลอดภาพโปรเจคเตอร์ไหม้ได้  (ข้อแนะนำ  :   ควรติดตั้งโปรเจคเตอร์ในที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก  เนื่องจากการทำงานของโปรเจคเตอร์นั้น จะเกิดความร้อนมาก    ถึงแม้ว่าตัวเครื่องโปรเจคเตอร์จะมีพัดลมระบายความร้อนอยู่แล้วก็ตาม   ควรจะให้อากาศรอบ ๆ โปรเจคเตอร์มีการถ่ายเทที่ดีด้วย)
3.   ระวังอย่าให้โปรเจคเตอร์ตก  หรือกระแทก  ทุกครั้งที่มีการติดตั้งโปรเจคเตอร์หรือวางโปรเจคเตอร์ควรตรวจดูให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัย   โปรเจคเตอร์ควรอยู่ในที่ที่มั่นคงไม่สามารถตกจากที่สูงได้
4.    สภาพอากาศอาจทำให้โปรเจคเตอร์ได้รับความเสียหายได้  อย่าใช้โปรเจคเตอร์ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงมาก  หรือต่ำมากจนเกินไป  หรือในสภาพอากาศที่แปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การเลือกซื้อเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์


การเลือกซื้อเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์
โปรเจคเตอร์ (projector) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการแสดงภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เหมาะสำหรับการนำมาใช้ เสนองานหรือที่เราเรียกว่า Presentation หรืออาจนำมาทำเป็น Home Theater โดยปกติ โปรเจคเตอร์สามารถนำมาต่อกับอุปกรณ์ได้หลายประเภท เช่น วีดีโอ วีดีโอซีดี หรือ ดีวีดี รวมทั้งคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เนื่องจากราคาของโปรเจคเตอร์ค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจึงควรพิถีพิถันในการเลือกซื้อ ซึ่งมีองค์ประกอบในการเลือก ดังนี้
1.            ระบบเชื่อมต่อ
สามารถนำมาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เราต้องการได้หรือไม่ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ วีดีโอ เป็นต้น รวมทั้งสามารถต่อได้พร้อมๆ กันกี่อุปกรณ์ กล่าวคือ ก่อนเลือกซื้อเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ ควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้งานของเราร่วมด้วย เช่น ต้องการฉายภาพ VDO อย่างเดียว หรือ ต้องการฉายงาน Presentation อย่างเดียว หรือต้องการการเชื่อมต่อแบบไร้สาย หรือ Wireless 
ความละเอียดในการแสดงผล
โดยจะเรียกความละเอียดว่า pixel หรือจุดในการแสดงผล ตัวอย่างเช่น 800 x 600 หรือ 1024 x 768 เป็นต้น โดยจะมีการเรียกความละเอียดเป็น VGA (640 x 480), SVGA (800 x600) , XGA (1024 x 768), SXGA (1280 x 1024) หรือมากกว่า แนะนำควรเลือกซื้อ ความละเอียดอย่างน้อย SVGA แต่ทั้งนี้ ความละเอียดในปัจจุบัน เครื่องคอมพิวเตอร์พัฒนาขึ้นไปมาก ดังนั้น ในสเป็ก มาตรฐาน นั้น ควรเริ่มตั้งแต่ ความละเอียดที่ XGA ( 1024 X 768 ) ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สเป็กที่เป็น
1.             มาตรฐานของ เครื่องโปรเจคเตอร์นั้น ควรเป็น XGA ( 1024 X 768 )
2.             Compress Mode
โปรเจคเตอร์ มักจะมีคุณสมบัตินี้ หมายถึง สามารถแสดงผลในความละเอียดที่ต่ำกว่าได้ เช่น ความละเอียดของโปรเจคเตอร์ 800 x 600 สามารถแสดงผลในความละเอียดสูง 1024x768 ได้ เป็นต้น กล่าวคือ หากใช้เครื่องที่มีความละเอียดต่ำ แต่ส่งสัญญาณเข้าสูงกว่า เครื่องรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ สามารถรับสัญญาณได้ แต่เป็นการบีบอัดสัญญาณ คุณภาพ ของภาพที่ได้ จะไม่คมชัดเท่ากับ สัญญาณที่ตรงกัน
3.             จำนวนสี
ความสามารถในการแสดงสี แสดงสีถึง 16.77 ล้านสี (มีลักษณะคล้ายๆ กับคอมพิวเตอร์)
4.             Aspect ratio
อัตราส่วนระหว่าง จำนวนจุดในแนวนอน กับ จำนวนจุดในแนวตั้ง ตัวอย่างเช่น ratio 4:3 หรือ 16:9 เป็นต้น ซึ่ง ratio 4:3 จะเป็น ความละเอียด SVGA , XGA ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในเวลานี้ สำหรับ 16:9 เป็น ความละเอียด WXGA หรือเรียกว่า wide screen ที่ใช้ในภาพยนตร์ นั่นเอง
5.             ความสว่าง หรือ Brightness
โดยจะมีหน่วยเป็น Ansi Lumen ถ้ายิ่งมาก จะสามารถแสดงภาพในห้องที่เปิดไฟได้ (ไม่จำเป็นต้องหรี่ไฟมาก ทำให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา สามารถจดข้อความต่างๆ ได้สะดวก) ตัวอย่าง ความสว่างที่เลือกใช้ เช่น 2000, 2500 Ansi Lumens เป็นต้น สำหรับความสว่างที่เป็นมาตรฐานนั้น จะเริ่มตั้งแต่ 2,000 Ansi Lumen ขึ้นไป ซึ่งความสว่างนี้ จะเป็นตัวระบุ การใช้ขนาดของจอร่วมด้วย เชน หากเป็นโปรเจคเตอร์ LCD ความสว่าง 2,600 Ansi Lumen จะใช้ได้ดีในจอรับภาพตั้งแต่ 70” จนถึง 150” สำหรับห้องประชุม ที่ไม่สามารถคอนโทรลแสงได้ ( ถึงแม่สเป็ก จะระบุ ถึง 300 นิ้ว แต่ 300 นิ้วที่ระบุในสเป็กเป็น การระบระยะในการ โฟกัสภาพ และ ฉายได้จริง ในห้องที่สามารถคอนโทรลแสงได้ เช่นโรงภาพยนตร์ )

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

การบริการของบริษัทฯ


การบริการของบริษัทฯ
1. กรณีลูกค้าซื้อ Projector กับทางบริษัทฯ
1.1   บริการรับและส่งเครื่องเข้าศูนย์บริการฟรี 1 ปีแรก สำหรับลูกค้าที่อยู่ใน กรุงเทพฯและปริมณฑล (Onsite Service ฟรี 1 ปี)
 1.2   เกิน 1 ปี คิดค่าบริการ 800 – 1,500 บาท ( เฉพาะในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล )ราคานี้ไม่รวมค่าอะไหล่ในการซ่อม
2. กรณีลูกค้าซื้อสินค้าอื่นๆ เช่น งานติดตั้ง , จอรับภาพ , พานาบอร์ด และสินค้าอื่นๆ
2.1 งานติดตั้งรับประกัน 3 เดือน หากมีการชำรุดเสียหายภายในระยะเวลาดังกล่าว จะเข้าไปบริการฟรี
                -   หากเกิน 3 เดือน คิดค่าบริการ 800 – 1,500 บาท ( เฉพาะในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ) ราคานี้ไม่รวมอะไหล่ในการซ่อม
2.2 จอรับภาพ ยี่ห้อ Vertex และ Screenboy  รับประกัน 1 ปี ( ทั้ง จอแขวนมือดึง, จอขาตั้ง, จอมอเตอร์) แต่จอมอเตอร์ยี่ห้อ Vertex รับประกันเพิ่มสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าเป็น 3 ปี
3. กรณีลูกค้าซื้อเครื่องจากบริษัทฯไปขายต่อ (Dealer)
Dealer ต้องเป็นคนไปรับเครื่องจาก User มาส่งที่บริษัทฯ เพราะไม่มีบริการ On-Site ฟรีให้กับ Dealer หากต้องการให้ทางบริษัทฯไป On-Site คิดค่าบริการ 800 – 1,500 บาท ( เฉพาะในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล )
4. การคิดค่าบริการตรวจเช็คเครื่อง ( ค่าเปิดเครื่อง ) เป็นจำนวน 500 บาท ไม่รวม Vat
- กรณีเครื่องหมดประกัน และเครื่องที่ไม่ได้ซื้อจากบริษัทฯ

เกี่ยวกับบริษัทโปรเจคเตอร์เวิลด์ จำกัด


เกี่ยวกับบริษัทโปรเจคเตอร์เวิลด์ จำกัด
ความเป็นมาของบริษัทและวัตถุประสงค์ของบริษัท
บริษัท โปรเจคเตอร์ เวิลด์ จำกัด เป็นบริษัทจัดจำหน่ายเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์, จอพลาสมา, เครื่องฉาย3มิติ, และจอรับภาพทุกประเภท พร้อมบริการหลังการขายที่ครบครัน
เราเริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งบริษัทฯว่า เราจะดำเนินธุรกิจโดยเน้น การดูแล และการให้บริการ เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าของเราเป็นสำคัญ ด้วยคุณภาพของสินค้าที่เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือจากผู้ใช้ทั่วโลก ในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี โดยมีการลงทุนวิจัยและพัฒนาตลอดเวลา รวมถึงการบริการหลังการขายและการดูแลอย่างต่อเนื่องที่ดีเยี่ยม เราจึงได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำ
บริษัท โปรเจคเตอร์ เวิลด์ จำกัด ตระหนักถึงความจำเป็นในการนำอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี มาช่วยพัฒนาการทำงานในโลกยุคปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการพัฒนาด้าน คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารบริษัทฯ จึงพัฒนาให้มีบริการต่างๆ และผลิตภัณฑ์ ที่หลากหลายไว้รองรับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบริการตรวจเช็คสภาพเครื่องทุกปีตลอดอายุการใช้งาน พร้อมทั้งรับ-ส่งซ่อมเครื่องถึงหน่วยงานลูกค้า การให้ความรู้ความเข้าใจ ในวิธีการใช้งานและการบำรุงรักษา โดยทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดี จากผู้ผลิต ทั้งนี้นอกจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้ว ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่บริษัทฯ จัดจำหน่ายยังได้รับการรับรอง รับประกันจากศูนย์บริการที่มีมาตรฐานของผู้ผลิตซึ่งได้มาตรฐานเดียวกันกับศูนย์บริการแห่งอื่นๆ ทั่วโลก ลูกค้าที่ใช้บริการจากบริษัทฯ จึงสามารถมั่นใจทั้งตัวผลิตภัณฑ์ และความเชื่อถือได้ของบริการด้วยรูปแบบการดำเนินงานของบริษัทขนาดย่อม แต่ด้วยทีมงานที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์ ทำให้การตัดสินใจ และการทำงานของบริษัทฯ เป็นไปอย่างรวดเร็ว สินค้าและบริการจึงเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ เราจึงเติบโตแบบก้าวกระโดดภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว จากทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ เราไม่ได้หยุดยั้งในการพัฒนาบุคคลากรของเราให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เรามีการอบรมบุคลากรของเราอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มี ความรู้ ความเข้าใจ ก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อพัฒนาระบบจัดการ และบริการที่ดีพร้อมไว้สำหรับลูกค้าของเรา บริษัทฯ จึงได้ทำการพัฒนาเพื่อการนำผลิตภัณฑ์ ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์ และซอร์ฟแวร์ที่ได้รับการยอมรับ มาผสมผสานกันให้เหมาะกับลักษณะการทำงานและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มากที่สุดโดยคำนึงถึงความคล่องตัวในการพกพาความง่ายในการใช้งานและคุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งจะช่วยผู้ใช้ให้ได้ประโยชน์จากการใช้งานอย่างเต็มที่
 เราเข้าใจว่าเวลาของลูกค้าทุกท่านเป็นสิ่งสำคัญ มอบภาระการดูแลเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์ให้เป็นหน้าที่เรา